ทวีสุข ธรรมศักดิ์ (Facebook)
15 ชม. ·
ทุกอย่างก็เกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
………………
ว่าด้วยการปล้นเงินออมของประชาชนผ่านตลาดทุน
ข้อเขียนนี้จะทำให้เห็นภาพรวมของขบวนการปล้นผ่านตลาดทุน (ขอใช้คำว่าขบวนการ)
หลายปีมีนี้ตลาดทุนเป็นที่นิยมขึ้นมาในระดับที่สูงมาก เพราะการขึ้นของตลาดหุ้นจากการพิมพ์เงินจากอากาศของ Fed ทำให้เม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ตราสารทางการเงินทั่วโลก
ตลาดหุ้นไทยก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ ไปด้วย ทำให้คนยิ่งมาสนใจตลาดหุ้นมากขึ้นอีกเพราะอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจนไม่เหลือผลตอบแทน จึงขนเงินออมออกมาเพื่อลงทุน (หรือเข้าบ่อน)
แต่ขบวนการปล้นเงินผ่านตลาดทุน..ก็มีการพัฒนารูปแบบที่ซับซ้อนมากขึ้น + การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อ + KPI ของอุตสาหกรรมการเงิน
รวมถึงการฟอกเงิน
โดยมี โมเดล ของบริษัทยักษ์พลังงานแห่งหนึ่งเป็น Idol มีขั้นตอนดังนี้
Step 1 ….หาบริษัทเล็กๆ ที่มีทุนจดทะเบียนตั้งแต่หลัก 50 กว่า จนถึง หลาย 1,000 ล้าน ราคาหุ้นจะมีตั้งแต่ต่ำ 10 บาท ถ้ายิ่งต่ำกว่า 1 บาท ยิ่งดีมากๆๆๆ
กระจายการถือครองหุ้นไปให้กับทีมงาน
และสร้างเรื่องราวการเติบโตของบริษัท
ออก Roadshow
และ..มีนักวิเคราะห์..บางคน..ให้สัญญาณออกสื่อ
ทีมงานก็สร้าง Volume การซื้อขาย…ล่อเม่า
Step 2 ….ลากราคาหุ้นไปยังจุดนัดหมาย เช่น จาก 50 สตางค์ ลากไป 15-18 บาท
ช่วงเวลาการลากนี้ อาจกินเวลา 2-4 เดือน จนถึง 3-4 ปี ก็แล้วแต่ขบวนการ
เพราะ…ต้องให้ค่า..commission..แก่ผู้ประกอบการด้วย เป็นการเอื้อเฟ้อเผื่อแผ่..และ..สร้างรายได้ให้ธุรกิจ
นักวิเคราะห์ก็จะขย้นเชียร์ออกสื่อ..และ..บางสื่อที่ออกจะมีแต่ความ..ดีงาม..ของหุ้น
ช่วงนี้เม่าจะเข้ามามากมาย…หุ้นจะมีแต่การเติบโตประมาณว่าจะไปสู่..อวกาศ
Step 3 … เมื่อมาถึงเป้าหมายตามนัดก็จะทะยอยปล่อยหุ้นในมือออกไป เมื่อหุ้นอยู่ในมือรายย่อยเป็นส่วนใหญ่แล้ว…ก็ทุบ..เพื่อให้เม่าเฉลี่ย..และ…ติดจนงัดไม่ออก
และทุบลงไปเรื่อยๆ ..เรียกกันในวงการว่า..ลากมาเฉีอด
เรียกว่า…ปล้นครั้งที่ 1
นักวิเคราะห์ที่เชียร์ก็จะ..หายศีรษะไป..ไปตัวอื่นต่อทำเป็นลืมๆไป
Step 4 … เมื่อหุ้นกระจายไปให้รายย่อยหมดแล้ว..และ..ทุบจนโงหัวไม่ขึ้น
ก็ประกาศ….เพิ่มทุน…!!!!!
เรียกว่า…ปล้นครั้งที่ 2 จากนั้นผู้คนที่เกี่ยวข้องก็จะเชียร์ให้..เพิ่มทุน..โดยมี..วลี..แบบอมตะวาจาว่า…ถ้าไม่เพิ่มทุนก็จะ dilute (มูลค่าลดลง)
Step 5 ….เมื่อเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว…ก็ทุบต่อ..จนไม่ต้องหายใจอีกต่อไป
จากนั้น…เมื่อ Equity (หุ้น.หรือ.เงินทุน) เพิ่ม
ก็ไปทำการปล้นธนาคาร..ด้วยการ…ขอวงเงินกู้..ให้ D/E Ratio สูงประมาณ 2-3 เท่าของเงินทุนที่ไปปล้นมา
เรียกว่า…ปล้นครั้งที่ 3
(เพราะเดี๋ยวนี้บางธนาคารสามารถปล่อยกู้ 3-4 หมื่นล้าน โดยไม่ต้องผ่านบอร์ด (เอ๋ะ ได้ยินมาว่ากำลังจะโดนเคลียอยู่นะ 555)
Step 6 …เมื่อ D/E Ratio สูงจนถึงเพดานธนาคารแล้ว
ก็ไปปล้นคนรวยต่อด้วยการ
ออก..ตั๋วเงิน..หรือ..ตั๋ว B/E
ทำให้มี D/E Ratio ขึ้นไปที่ 2-7 เท่า
การออกตั๋วเงินปัญจุบันมีปริมาณ ประมาณ 3.8 แสนล้านบาท
คุณลองคิดดูนะ…ไปขอสินเชื่อธนาคารมีการตรวจสอบโครงการ..กว่าจะปล่อยสินเชื่อให้…แต่..การออกตั๋ว..แค่ตรวจสอบงบบัญชีจากคนทำงานไม่กี่คน
ซึ่งเราก็รู้กันว่า..งบบริษัทที่อยู่นอกตลาดเป็น..งบ..แบบไหน
แต่…สามารถออกเป็นตั๋วเงิน..และ..ขายให้กับนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากเงินในธนาคาร
และ…เป็นวงเงินหนี้ที่สูงกว่า..ธนาคารจะอนุมัติให้
เหอะๆๆๆ
Easy Money
Step 7…อันนี้เริ่มทำได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆเลยคือ….สร้างโครงการ..แล้วเอาเงินจากบริษัทแม่..ไปเปิดบริษัทลูก…โดย…ใส่เงินสดเข้าไป..ในนามของเงินทุนหรือ equity
และเอาทุนที่ลงไป…ไปขอสินเชื่อธนาคาร
และ…ออกตั๋วเงิน
เช่น บริษัทพลังงานทดแทนแห่งหนึ่ง ถูกสร้างภาพเป็นบริษัทแห่งอนาคต จนวันนี้กลายเป็นบริษัทแห่งรัติกาล ไปเรียบร้อย
ได้ทำการลากราคาหุ้นจาก 50 สตางค์ไป กว่า 15 บาท จากนั้นประกาศเพิ่มทุน ขอกู้ ออกตั๋ว
และ..ออกบริษัทลูกอีกกว่า 40 บริษัท
จากมีฐานทางการเงินไม่กี่ร้อยล้าน วันนี้มีฐานะมากกว่า 15,000 ล้าน
มีบริษัทเช่นนี้เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์หลาย 10 บริษัท
คุณลองนึกดูนะบริษัทมี Market Cap ไม่กี่ร้อยล้านถูกสร้างไปขายที่มูลค่าหลายหมื่นล้าน
และ
คนขนเงินออมไปซื้อที่ตรงนั้น…วันนี้มูลค่าเหลือไม่ถึง 20% ของวันที่ซื้อมา
เงินออม..ของประชาชน..ถูกขบวนการนี้ปล้นไป น่าจะหลัก 1-2 ล้านล้านบาท (ล้าน 2 ตัวนะ)
ทั้งการซื้อหุ้นและขายตราสารหนี้ด้อยคุณภาพออกไป
เงินที่ถูกปล้นไปถึงทำให้เงินเคลื่อนย้ายจากคนส่วนใหญ่ไปสู่คนไม่กี่คน…และยักยอกเงินออกไป
เศรษฐกิจประเทศถึงไม่สามารถขับดันการบริโภคได้ยังงัยแหละครับ
เข้าใจยัง….
เมื่อเป็นอย่างนี้อีกไม่นาน….เมื่อไม่มีเงินใหม่เข้ามา…การพังทลายของตลาดหุ้นก็จะเกิดขึ้น
จึงสามารถมองเห็นได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
จึงมีคำถามต่อ…แล้วการกำกับดูแล..เค้าไม่ทำกันหรอ
อย่างนี้…ตอนนี้กำลังมีงาน….รำลึกถึงพ่อ
แต่……
เหตุการณ์การปล่อยข่าวการสวรรคตตอนต้นในเดือนตุลาคม..เพื่อทุบตลาดหุ้น
ไม่เคยถูกตรวจสอบ..แต่มาพูดว่าเป็นการซื้อขายที่เป็นปกติ..ปกติบ้านพ่องดิ
volume แสนล้านติดกัน 2 วัน ตั้งแต่มีตลาดหุ้นมา เพิ่งเคยมีครั้งเดียวตอนปี 2013
คือ…ถ้ารักพ่อจริง คิดถึงพ่อจริงๆ ทำไมไม่ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน…หา!!!
เดี๋ยวนี้มันสามารถตรวจได้ทุก order ไม่ใช่หรอ ก็ไปดูซิว่าใครสั่งเทขาย…แล้ว…ใครซื้อกลับ ตอนบ่าย 3 โมง ก็รู้แล้ว
คุณว่ามั๊ย…เวลาทำอะไร..เรารู้..ฟ้ารู้..แผ่นดินรู้..สิ่งศักดิ์รู้..ท้าวเวสสุวรรณโนรู้
วันนี้..กำลังถูกปัญหาเรื่องตั๋ง B/E และดันเป็นคนที่มีฐานะและศักยภาพที่จะฟ้องร้องเอาผิดได้
คาดว่า 157 น่าจะรออยู่
และ…เงินทำบุญที่มาเล่นหุ้น คือมันมีมากว่า 10 ปีแล้ว แต่ตรวจไม่เจอ (คุณเชื่อมั๊ยว่าตรวจไม่เจอ) ตอนนี้โยนขี้ให้โบรกแล้ว
ส่วนโบรกไม่มีอะไรมาก…เงินมาผ้าหลุด
ผู้คุมกฎ…คุณรู้อะไรกันมั๊ย
กว่าจะถึงวันที่ 13 ตุลา มีพระอรหันต์กี่รูป..ที่สละอายุขัยของท่าน เพื่อประคองมาจนถึงวันที่สมควรบนความมั่นคงของแผ่นดิน
และ
เหล่าพระอาจารย์หลายท่านก็แสดงธรรมว่า..พระองค์ทรงประกอบบุญบารมี เพื่ออีกไม่กี่ชาติก็จะไปตรัสรู้เป็น..องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในกาลข้างหน้า
ดังนั้นมี 2 กลุ่ม
– คนมีหน้าที่..แต่..ไม่ยอมทำ
– พวกเอาเหตุการณ์นี้มาสร้าง…ความร่ำรวย
เงินที่พวกท่านได้ไป..เปรียบเหมือนไฟบรรลัยกันฑ์
ที่จะ..เผาผลาญ..ชีวิตและวิญญาณ..ไปชั่วกัปชั่วกัลป์
ตัวอย่าง ผู้บริหารธนาคารกรุงไทย เมื่อก่อนตอนมีลาภยศเดินคับตึก..สุดท้ายถูกคำพิพากษาให้ติดคุกจนตรอมใจตาย
ทำไมต้องไปตายในคุก…เพราะจิตมีแต่ความทุกข์เมื่อเวลาตายจิตก็จะนำไปสู่อบายภูมิ
หรือ…เจ็บป่วยทรมานเป็นเวลานาน..ขณะเจ็บป่วย จิตก็จะวนอยู่กับสิ่งที่ทำมา..หากทำในสิ่งที่ไม่ดี..จิตก็จะอยู่กับสิ่งนั้นและนำไปสู่อบายภูมิเช่นกัน
และสิ่งที่พวกท่านทำคือ..กระทำต่อ..พระโพธิสัตย์ ที่สะสมบุญบารมีธรรมสูง เพื่อไปสำเร็จเป็นพุทธเจ้าในกาลเบื้องหน้า
วิบากกรรมนี้จึงเป็นวิบากกรรมที่รุนแรง
เป้าหมายจึงอยู่ที่…มหาอเวจีนรก
ที่ 1 คืนจะเท่ากับ 40 ล้านปีบนโลกมนุษย์
ผมจึงฝากเทศนาธรรมของ..หลวงพ่อฤาษีลิงดำเกี่ยวกับ…มหาอเวจีนรกมาให้ศึกษากันก่อน
เพราะวันหนึ่งซึ่งอีกไม่นานที่จะได้ไป จะได้เตรียมตัวได้ถูก
เขียนเตือนลูกของพ่อ..ที่ถูกกาฝากบนแผ่นดินของพ่อ…ร่วมกันปล้น..เงินออม..ที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก
ทวีสุข ธรรมศักดิ์