Mind Map – สิ่งสำคัญสำหรับยุดข้อมูลล้น ก้าวต่อไปของ ChatGPT อีกสักขั้นในอนาคตอันใกล้

Mind Map เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นเครื่องมือในการช่วยการทำงานของสมอง เนื่องจากสมองจะรับข้อมูลเข้ามาจากอวัยวะรับสัมผัส มาเก็บไว้ชั่วคราวที่ Hipocampus อยู่ในตำแหน่งแถวขมับไปยังหลังหูทั้งสองข้าง ซึ่ง Hippocampus ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าไม่มีการย้ำความจำ ก็จะเลือนหายไป ถ้ามีการย้ำบ่อย ยิ่งบ่อยเท่าไร ความจำชั่วคราวก็จะส่งผ่านไปยังส่วนต่างๆของสมอง เพื่อสร้างโครงข่ายของทักษะ ที่หนาแน่นขึ้นตามเวลาที่เราทำซ้ำ ทีนี้ถ้าเราไม่ทำทักษะ คือทำซ้ำให้มากพอ ความรู้ที่อยู่ในรูปความจำชั่วคราวใน Hippocampus ก็จะหายไป สำหรับคนเป็นอัลไซเมอร์นั้น Hippocampus จะฝ่อ ทำให้ไม่สามารถจำอะไรได้ แม้จะเป็นความจำชั่วคราว คนเป็นอัลไซเมอร์ความจำสั้นจะอยู่ประมาณ 30 วินาที เนื่องจาก Hippocampus ฝ่อ สิ่งสำคัญของความจำคือ Passion ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Dopamine ที่เป็นสารที่กระตุ้นความสนใจ ที่จะมีอยู่ในส่วนที่เรียกว่า Basal Ganglia และมีเส้นส่ง Dopamine Pathways ไปยังส่วนต่างๆของสมอง ซึ่งถ้าเรามีความพอใจ หรือมีสารนี้ในสมองมาก เราก็จะเกิดความพอใจ สนใจ และมีฉันทะในการทำสิ่งนั้นๆเป็นพิเศษ ทำให้ขบวนการความจำเกิดขึ้นมากกว่าปรกติ ส่วนอวัยวะอีกตัวหนึ่งที่อยู่ติดกับ Hippocampus คือ Amygdala รูปร่างเหมือนเม็ดที่อยู่ติดกับ Hippocampus ส่งอิทธิพลต่อ Hippocampus ในลักษณะความกลัว ความกังวล หรือไม่สนใจ ไม่ชอบ มีผลอย่างหนึ่งคือทำให้ไม่สนใจ แต่เหตุการณ์ร้ายๆ ร้ายแรง Amygdala ก็ทำให้เกิดความจำอย่างถาวร คือกลัวเหตุการณ์ หรือสถานการณ์ที่ร้ายแรงนั้น แบบเป็นโรคจิตได้

https://th.wikipedia.org/wiki/ฮิปโปแคมปัส
Dopamine Pathways

ทีนี้ถ้าข้อมูลเข้ามาในสมองเราจำนวนมาก แบบยุคนี้ที่ข้อมูลท่วมท้น ถ้าเราไม่มีอารมณ์ร่วม ที่เรียกศัพท์แบบทางพุทธศาสตร์ คือพวก อิทธิบาท ๔ ตัวสำคัญคือ ฉันทะ คือความพึงพอใจ ที่เกี่ยวกับ Dopamine เช่นเราเรียนวิชาที่ไม่ชอบ Dopamine ไม่ค่อยมี อย่างนี้ Hippocampus ก็จะมีข้อมูลเพียงเลือนลาง เพราะไม่ใส่ใจ และลืมได้โดยเร็ว การแก้ลืมก็คือการที่เราต้องจดโน๊ต อาจจดเป็นแผ่นๆแล้วมาเป็นปึ๊งๆ ในแต่ละแผ่นก็แยกกัน ไม่มี Link เชื่อมโยง ต้องใช้สมองจิตนาการเชื่อมโยงอีก แต่ถ้าเราจัดเขียนเป็น Mind Map เราจะเชื่อมโยงความรู้หรือโน๊ตของเราเข้าด้วยกันเป็นยวงเป็นเถา ทำให้เรารวบรวมระบบความคิดของเราได้ดี

ทีนี้เราก็มีทางเลือกในการช่วยจำ และช่วยเก็บชุดของความคิด เป็นยวง เป็นเถา คือ

1.อาจใช้พวก GPT AI เพื่อเป็นผู้ช่วย ในตอนนี้เป็นลักษณะของตัวหนังสือ คือพวก ChatGPT อีกไม่นานเมื่อพัฒนาจอภาพให้มีขนาดเป็นแบบ Contact Lens หรือเพียงแว่นตาแบนๆปรกติก็เพียงพอ เราก็จะสามารถถาม หรือให้แสดงภาพความสัมพันธ์ในรูปแบบ Mind Map พร้อมการอธิบายเพิ่มเติมส่วนต่างๆได้ ในลักษณะของ VR/AR แบบ AR น่าสนใจกว่า เพราะผสมโลกจริงโลกเสมือน ดังตัวอย่างที่มีจริงแล้วโดย Microsoft Hololens ซึ่งถ้าผสมกับ ChatGPT ก็สร้าง Death Star วิ่งอยู่บน Cloud ได้อย่างสวยงาม เราพร้อมแล้วหลังสงครามใหญ่

ดู Death Star Technology ของ ท่าน Lord ดู



2.ใช้เครื่องมือเก่าเช่น คอมพิวเตอร์ หรือ มือถือ ในการสร้าง จัดทำ จัดเก็บ และเรียกใช้ Mind Map กรณีนี้ก็จะเป็นการเพิ่มความจำ พร้อมทั้งความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆที่เป็นชุดของความรู้ ความสัมพันธ์ นั้นๆ ตอนนี้เราก็ช่วยสมองเราด้วย Mind Map ก่อน เพราะจริงๆ Mind Map ก็อยู่เบื้องหลังของระบบความจำ และความคิดของเราอยู่ดี ในระหว่างช่วงเปลี่ยนแปลง ประชาชน ลูกค้าเรา ยังไม่มีแว่น Hololens ของท่าน Lord กันทุกคน เหมือนมือถือในยุคแรก คนทั่วไป ชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนา ยังไม่มี ยังต้องใช้เวลาแพร่หลายหลังสงครามใหญ่อีก 10 ปี ราวๆ 15 ปี ถึงจะมีกันโดยทั่วไปแบบมือถือ เราก็ใช้แบบนี้ก่อน คือแบบ Mind Map

เครื่องมือสร้างและใช้ Mind Map – Free และดี ในทุกระบบ MacOS, Windows, Linux มีหลายตัว ของใหม่ๆจะมีลักษณะแบบต้องสมัครสมาชิก และใช้โปรแกรมเขา แต่ข้อมูลเราเขาก็ดู รวบรวม และวิเคราะห์ แบบ Facebook เห็นไอเดียเราทั้งหมด คนทั้งโลกที่ใช้ อย่างเช่น Coggle ตัวอย่างข้างล่าง
แบบนี้ไม่ชอบ อาจสวย ดูดี แต่ถ้ามีอันอื่นก็ใช้อันอื่นดีกว่า ไม่อยากให้ใครรู้เห็นข้อมูลของเราเลย แต่ถ้าชั่งน้ำหนักว่าเนื้อหาเราไม่มีอะไร สู้ ChatGPT AI ไม่ได้ เขารู้ทุกอย่าง รวมทั้งรู้จักเราอย่าง Facebook ด้วยไม่เป็นไรก็ใช้ไป แต่ต้องคิดด้วยว่าเนื้อหาเราจะอยู่กับเขาไปตลอด ถ้าเราเปลี่ยนใจตอนที่เราใส่เนื้อหาเข้าไปสัก 500 เรื่องแล้ว เราคงเอาออกยาก หรือถ่ายโอน Mind Map ที่แก้ไขได้คงลำบากยากไว้ด้วย ต้องคิดทางหนีทีไล่ไว้ให้ดีด้วย

Coggle

https://youtu.be/NUv0Dpv_5dw

Freeplane อันนี้น่าใช้ดี ใช้ง่าย ฟรี และยังมีคนใช้งานอยู่มากในปัจจุบัน ใช้ได้ทุก Platform Mac,Windows,Linux


สำหรับโปรแกรมไม่เสียเงินเก่า ใช้ได้ดีอีกตัวหนึ่ง มาลองทั้งสองแบบดูว่าชอบอันไหนได้ นอกนั้นเสียเงินพอควร มีรายเดือน รายปี หรือจ่ายครั้งเดียวหลายพันบาท

ใช้โปรแกรมใน iPad อันนี้ก็ดีเสียเงินนิดหน่อย แต่ต้องเลือกดู เช่น MarginNote3 อันนี้ดูในวีดีโอ ในโฆษณาแล้ว ดูน่าใช้มาก เลยซื้อมาใช้ใน iPad พอใช้กลับรู้สึกว่าไม่สะดวก เอกสารที่เอามาจาก Web ต้อง Load มาไว้ใน iPad ไว้ก่อน อย่างนี้ต้องโหลดเว็ปมาเยอะแยะ ในที่สุดเลยไม่ใช้ ไปใช้แบบ Basic และมาประกอบกันให้ลงตัวใช้งาน จะดีกว่าในระยะยาว ที่เราต้องมีข้อมูลจำนวนมาก ข้อเสียของ iPad คือ บาง App เราซื้อไว้นาน พอตอนหลังคนเขียน App ไม่ลงตัวเลิกคบกัน หรือบริษัทไม่ใหญ่พอ เลิกพัฒนา พอ iPad เป็นรุ่น OS ใหม่ขึ้นๆ ก็ไม่ Support App เก่า จบกัน จึงควรเลือกให้ดี พิจารณาให้ดี

MarginNote3

ใส่ความเห็น